1.11.52

ระบบ 3G มันคือะไรกันแน่ แล้วมีประโยชน์ยังไง มาดูกัน


ระบบ 3G มันคือะไรกันแน่ แล้วมีประโยชน์ยังไง มาดูกัน
สวัสดีครับเพื่อน ๆ คงทราบกันดีอยู่แล้วนะว่า ระบบ 3G มันคือะไร แล้วมันมีประโยชน์อะไร ผมเอาข้อมูลเบื้องต้นมาลงให้เผื่อว่าใครจะเอาไปทำรายงานส่งอาจารย์ ลองดูนะครับว่าเหมือนกับที่รู้มาหรือเปล่า

G ย่อ มาจาก Generation
1G : ระบบ Analog
2G : ระบบ Digital
3G : ระบบ Wireless
1Gเริ่มตั้งแต่ 1G ... ซึ่งเป็นยุคที่ใช้ระบบ Analog คือใช้สัญญาณวิทยุในการส่งคลื่นเสียง โดยไม่รองรับการส่งผ่านข้อมูลใดๆทั้งสิ้นซึ่งนั่นก็หมายความว่าสามารถใช้งานทางด้าน Voice ได้อย่างเดียว คือ โทรออก-รับสาย เท่านั้นไม่มีการรองรับการใช้งานด้าน Data ใดๆ ทั้งสิ้น .. แม้แต่การรับ-ส่ง SMS ก็ยังทำไม่ได้ในยุค 1Gแต่จริงๆแล้ว ... ในยุคนั้น ผู้บริโภคก็ยังไม่มีความต้องการในการใช้งานอื่นๆ นอกจากเสียง (Voice) อยู่แล้วโดยปริมาณผู้ใช้โทรศัพท์มือถือยังอยู่ในขอบเขตที่จำกัดมาก และจะพบว่าผู้ใช้มักจะเป็นนักธุรกิจที่มีรายได้สูงเสียส่วนใหญ่
2Gหลังจากนั้น ก็ได้พัฒนาต่อมาเป็นยุค 2G ... ซึ่งเปลี่ยนจากการส่งคลื่นทางคลื่นวิทยุแบบ Analog มาเป็นการเข้ารหัส Digital ส่งทางคลื่น Microwave ซึ่งในยุคนี้เอง เป็นยุคที่เริ่มทำให้เราเริ่มที่จะสามารถใช้งานทางด้าน Data ได้ นอกเหนือจากการใช้งาน Voice เพียงอย่างเดียว
ในยุค 2G นี้ ... เราสามารถ รับ-ส่งข้อมูลต่างๆและติดต่อเชื่อมโยงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นเรื่อยๆ จนเกิดการกำหนดเส้นทางการเชื่อมกับสถานีฐาน หรือที่เรียกว่า cell site และก่อให้เกิดระบบ GSM (Global System for Mobilization) ซึ่งทำให้เราสามารถถือโทรศัพท์เครื่องเดียวไปใช้ได้เกือบทั่วโลก หรือที่เรียกว่า Roaming
ยุค 2G นี้ ถือเป็นยุคเริ่มต้นแห่งการเฟื่องฟูของโทรศัพท์มือถือ... ราคาของโทรศัพท์มือถือเริ่มต่ำลง (กว่ายุค 1G) ทำให้ปริมาณผู้ใช้โทรศัพท์มือถือมีมากขึ้น ซึ่งการส่งข้อมูลของยุค 2G นี้ เป็นยุคที่มีการเริ่มฮิต Download Ringtone , Wallpaper , Graphic ต่างๆ แต่ก็จะจำกัดอยู่ที่การ Downlaod Ringtone แบบ Monotone และ ภาพ Graphic ต่างๆก็เป็นเพียงแค่ภาพขาว-ดำที่มีความละเอียดต่ำเท่านั้น

2.5G เป็นยุคก้ำกึ่งระหว่าง 2G และ 3G ซึ่งยุคนี้กำเนิดเทคโนโลยี GPRS(General Packet Radio Service) นั่นเอง ซึ่งตามหลักการแล้ว เทคโนโลยี GPRS นี้สามารถรับส่งข้อมูลได้ที่ความเร็วสูงสุดถึง 115 Kbps. กันเลยทีเดียวแต่เอาเข้าจริง ๆ ความเร็วของ GPRS จะถูกจำกัดให้อยู่ประมาณ 40 Kbps.

2.75G เพิ่มเติมอีกหน่อย ก่อนที่จะเป็น 3G เรามี 2.75 คั่นกลางอีก ซึ่งเป็นช่วงที่ใช้เทคโนโลยี EDGE(Enhanced Data rates for global Evolution) EDGE เป็นส่วนต่อยอดของ GPRS ซึ่งมีการปรับปรุง และพัฒนาคุณภาพจากความเร็วพื้นฐานของ GPRS ซึ่งจะทำให้ความเร็วรับส่งข้อมูลสูงสุด ถึง 250 Kbps. เลยทีเดียว แต่ว่ายุค 2.75G เราไม่ได้กำหนดขึ้นอย่างเป็นทางการ

3Gต่อมา ... ก็ได้พัฒนามาเป็นระบบ 3G หรือ Third Generation ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการสื่อสารในยุคที่ 3 จุดเด่นที่สุดของ 3G นั้น ... เป็นเรื่องของความเร็วในการเชื่อมต่อและการรับ-ส่งข้อมูล โดยเน้นการเชื่อมต่อแบบไร้สายด้วยความเร็วสูง ทำให้ประสิทธิภาพในการรับส่งข้อมูลต่างๆ รวดเร็วมากขึ้น พร้อมทั้งสามารถใช้ บริการ Multimedia ได้อย่างสมบูรณ์แบบ และ มีประสิทธิภาพแบบมากยิ่งขึ้น เช่น การรับ-ส่ง File ที่มีขนาดใหญ่ , การใช้บริการ Video/Call Conference , Download เพลง , ดู TV Streaming ต่างๆซึ่งถ้่าเปรียบเทียบเทคโนโลยี 2G กับ 3G แล้ว ... 3G มีช่องสัญญาณความถี่ และ ความจุในการรับส่งข้อมูลที่มากกว่าเยอะเลย
คุณสมบัติหลักที่เด่นๆ อีกอย่างหนึ่งของระบบ 3G ก็คือ Always On ... คือ มีการเชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายของ 3G ตลอดเวลาที่เราเปิดโทรศัพท์ด้วย


เพื่อน ๆ ลองหาคำตอบเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ ซึ่งจะเป็น video Technology ที่นี่เขาแนะนำ ทิป เด็ด ๆ ให้ดูกัน แบบว่าสาธิตแล้วก็สามารถทำตามได้เลยครับ ไม่ต้องนั่งอ่านให้เมื่อยลูกกะตาครับ
เช่น ระบบ 3G การใช้งาน iPod iPhone notebook การนำเพลงหรือวีดีโอ เข้า iPod การดาวน์โหลดคลิปจาก Yuotube ลงคอมพิวเตอร์ หรือเครื่อง iPod และอื่น ๆ อีกมากครับ ไงก็ลองเข้าไปศึกษาดูนะครับ ที่นี่ครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

รายการบล็อกของฉัน